'จักรพันธ์ พรใส' จากคนดู...สู่คนเล่น 'ที่สุดของนักบอล คือ ทีมชาติ และเราได้มาอยู่ตรงนี้'
คงเป็นความฝันของเด็กผู้ชาย หัวใจรักฟุตบอลทุกคน ที่วันหนึ่งอยากก้าวขึ้นมาติดธงชาติไทยสักวัน หนึ่งในนั้นคือ "เจ้าบอล" จักรพันธ์ พรใส จรวดทางเรียบของทีม "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012
"ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" มีโอกาสได้พูดคุยกับ ปีกร่างเล็กวัย 25 ปี ซึ่งยอมรับว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นแฟนบอล เข้าไปนั่งเชียร์ขุนพลนักเตะ "ช้างศึก" รุ่นพี่ ทำศึกฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ถึงริมสนาม มาแล้วในปี 2007 ซึ่งหลังจากวันนั้น เขาก็เตรียมจะได้รับเกียรติให้มาทำหน้าที่นี้เช่นกัน กับทัวร์นาเมนต์ ปี 2012 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพร่วม ระหว่างวันที่ 24 พ.ย.- 22 ธ.ค.นี้
"ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" มีโอกาสได้พูดคุยกับ ปีกร่างเล็กวัย 25 ปี ซึ่งยอมรับว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นแฟนบอล เข้าไปนั่งเชียร์ขุนพลนักเตะ "ช้างศึก" รุ่นพี่ ทำศึกฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ถึงริมสนาม มาแล้วในปี 2007 ซึ่งหลังจากวันนั้น เขาก็เตรียมจะได้รับเกียรติให้มาทำหน้าที่นี้เช่นกัน กับทัวร์นาเมนต์ ปี 2012 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพร่วม ระหว่างวันที่ 24 พ.ย.- 22 ธ.ค.นี้
"เจ้าบอล" ย้อนอดีตให้ฟังว่า "ผมเชียร์ทีมชาติไทยมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าเป็นแฟนตัวยง ตอนนั้นอายุ 18 ย่าง 19 เข้ามาเรียนปี 1 มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี ก็มีโอกาสได้ไปดูเกมวันนั้น ทีมสนามศุภชลาศัย เป็นนัดชิงชนะเลิศ รายการซูซูกิคัพ ชิงกับ สิงคโปร์ รู้สึกว่าวันนั้น คนจะเต็มสนาม มันเป็นบรรยากาศที่สุดยอดมาก แต่เสียดายที่เราไม่ชนะ และวันนี้ เรามาเป็นนักเตะได้มาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย รับใช้ทีมชาติไทยลงเตะฟุตบอลรายการนี้ ก็อยากเห็นบรรยากาศแบบนั้น แฟนบอลเต็มสนาม แฟนบอลมาเชียร์ มาช่วยให้กำลังใจพวกเรา คว้าแชมป์ให้ได้"
เส้นทางก่อนจะก้าวขึ้นมารับใช้ทีมชาติไทยของ มิดฟิลด์ความเร็วสูงของทัพ "กิเลนผยอง" อาจไม่ได้เหมือนกับผู้เล่นทีมชาติคนอื่นๆ ที่ไต่เต้ามาจากทีมระดับโรงเรียน และเยาวชนทีมชาติ แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆ สำหรับเขา หากว่ามีฝีเท้า และความมุ่งมั่นเสียอย่าง
"อย่างคนอื่นเขาจะติดเยาวชนมาเรื่อยๆ แต่เราไม่ได้มาอยู่กับโรงเรียนดังๆ ไม่ได้เล่นฟุตบอลนักเรียน ผมมาเริ่มเล่นอาชีพตอนอายุ 19 ปี และแจ้งเกิดกับ สโมสร อินทรีเพื่อนตำรวจ และมีชื่อติดทีมชาติครั้งแรก ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในกีฬาเอเชียนเกมส์ 2010 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน หลังจากนั้น ก็ขึ้นมาติดชุดใหญ่ แต่นี่ถือเป็นการเล่นทีมชุดใหญ่ ในศึกซูซูกิคัพ ครั้งแรก ซึ่งแต่ก่อนเคยติดทีมชุดใหญ่มาแล้ว ในศึกฟุตบอลโลก 2014 เกมคัดเลือก เพลย์ออฟ กับ ปาเลสไตน์ แต่ไม่ได้ลงสนาม"
"อย่างคนอื่นเขาจะติดเยาวชนมาเรื่อยๆ แต่เราไม่ได้มาอยู่กับโรงเรียนดังๆ ไม่ได้เล่นฟุตบอลนักเรียน ผมมาเริ่มเล่นอาชีพตอนอายุ 19 ปี และแจ้งเกิดกับ สโมสร อินทรีเพื่อนตำรวจ และมีชื่อติดทีมชาติครั้งแรก ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในกีฬาเอเชียนเกมส์ 2010 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน หลังจากนั้น ก็ขึ้นมาติดชุดใหญ่ แต่นี่ถือเป็นการเล่นทีมชุดใหญ่ ในศึกซูซูกิคัพ ครั้งแรก ซึ่งแต่ก่อนเคยติดทีมชุดใหญ่มาแล้ว ในศึกฟุตบอลโลก 2014 เกมคัดเลือก เพลย์ออฟ กับ ปาเลสไตน์ แต่ไม่ได้ลงสนาม"
ในฐานะแฟนบอลพันธุ์แท้ ที่มีโอกาสได้ติดธงทีมชาติ "เจ้าบอล" ยอมรับว่า ยิ่งทำให้เขามีแรงกระตุ้นมากในการลงเล่นเป็นพิเศษ โดยระบุว่า "มันวิเศษมาก เพราะการที่เรามาเป็นนักบอลอาชีพก็เป็นอะไรที่สุดๆ แล้ว และที่สุดของนักบอลก็คือทีมชาติ และตอนนี้ เราได้มาอยู่ตรงนี้"
"เมื่อก่อนเรานั่งดูเรายังขนลุกเลย มีอารมณ์ร่วม เรายังเชียร์ ให้กำลังใจไปด้วย และนับประสาอะไรกับตอนนี้ เรามาเป็นคนทำหน้าที่ตรงนั้น มันมีความภูมิใจมากๆ เป็นเกียรติประวัติ ธงติดหน้าอกมันศักดิ์สิทธิ์มาก และคนทั้งประเทศก็ดูเราอยู่ ดังนั้น เรื่องความมุ่งมั่นไม่ต้องพูดถึง มีเป็นพันๆ เปอร์เซ็นต์แน่นอน" อดีตดาวรุ่งทีม อินทรีเพื่อนตำรวจ กล่าว
"เมื่อก่อนเรานั่งดูเรายังขนลุกเลย มีอารมณ์ร่วม เรายังเชียร์ ให้กำลังใจไปด้วย และนับประสาอะไรกับตอนนี้ เรามาเป็นคนทำหน้าที่ตรงนั้น มันมีความภูมิใจมากๆ เป็นเกียรติประวัติ ธงติดหน้าอกมันศักดิ์สิทธิ์มาก และคนทั้งประเทศก็ดูเราอยู่ ดังนั้น เรื่องความมุ่งมั่นไม่ต้องพูดถึง มีเป็นพันๆ เปอร์เซ็นต์แน่นอน" อดีตดาวรุ่งทีม อินทรีเพื่อนตำรวจ กล่าว
ไล่ตั้งแต่ปี 1996 ที่ลีกลูกหนังระดับอาเซียนถือกำเนิดขึ้น ทีมไทย คว้าแชมป์มาครองได้ 3 สมัย ในระหว่างปี 1996 ถึง 2002 แต่หลังจากนั้น ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา "ช้างศึก" กลับไม่เคยก้าวไปถึงบัลลังก์แชมป์อีกเลย โดยทำได้ดีที่สุด เคยการเป็นรองแชมป์ 2 ปีซ้อน ในปี 2007 และ 2008 ขณะที่ในปีล่าสุด 2010 ทีมไทย สร้างประวัติศาสตร์ตกรอบแรกเป็นครั้งแรก
"อย่างที่บอก เราห่างหายความสำเร็จไปค่อนข้างนาน ทัวร์นาเมนต์นี้ จะเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในอาเซียน และจะเป็นของขวัญชิ้นสำคัญให้กับแฟนบอลในปีใหม่ด้วย แต่เราก็ไม่ประมาททุกทีม เพราะตอนนี้ ทุกประเทศ ก็อยากพัฒนา ยกระดับตัวเองขึ้นมา แต่ในเรื่องศักยภาพเราไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสมากกว่า" จักรพันธ์ ย้ำชัด
"อย่างที่บอก เราห่างหายความสำเร็จไปค่อนข้างนาน ทัวร์นาเมนต์นี้ จะเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในอาเซียน และจะเป็นของขวัญชิ้นสำคัญให้กับแฟนบอลในปีใหม่ด้วย แต่เราก็ไม่ประมาททุกทีม เพราะตอนนี้ ทุกประเทศ ก็อยากพัฒนา ยกระดับตัวเองขึ้นมา แต่ในเรื่องศักยภาพเราไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสมากกว่า" จักรพันธ์ ย้ำชัด
ส่วนนักฟุตบอลไทยที่เป็นไอดอลของ ดาวเตะเล็กพริกขี้หนู เขายกให้ อดีตศูนย์หน้า จอมตีลังกาทีมชาติไทย "ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง" และ "โก้" ดัสกร ทองเหลา จอมทัพกัปตันทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน และรุ่นพี่จากเมืองทองฯ เป็นฮีโร่ขวัญใจของตัวเอง ที่ติดตามเชียร์มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ทำให้เขาก้าวขึ้นมายืนในจุดนี้ได้สำเร็จ.
No comments:
Post a Comment